วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2559

7เหตุผล ทำไมต้องวางแผนการเงิน




       ทำไมต้องวางแผนการเงิน
          การวางแผนการเงิน ( Financial Planning )  หมายถึง  กระบวนการวางแผนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางการเงินของแต่ละบุคคล    อาจจะเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า  Personal  Finance  
         



          ทำไมต้องวางแผนการเงิน
          1.คนอายุยืนขึ้น
           ปัจจุบันคนไทยมีอายุเฉลี่ย  71 ปี  แต่ถ้าเราเก็บสถิติเฉพาะคนไทยที่อายุ  60  ปีขึ้นไป จะพบว่าท่านเหล่านั้นจะอยู่ได้อีกประมาณ  20  ปี  (  ข้อมูลจากสถาบันประชากรและสังคม ม.มหิดล  )   ดังนั้น  จึงเป็นเรื่องน่าคิดว่า  ช่วงเวลาหลังเกษียณที่ต้องอยู่อีกตั้ง 20 ปี  เราจะอยู่กันอย่างไร  ถ้าไม่มีการวางแผนการเงินที่ดีพอ          2.โครงสร้างสังคมเปลี่ยนไป
          เดิมคนไทยอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่    ปัจจุบันแยกย้ายกันอยู่  เป็นครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น การคาดหวังให้ลูกหลานเลี้ยงดู  เป็นเรื่องที่หวังได้น้อยลง  เราจึงต้องเตรียมตัวไว้แต่เนิ่นๆ          3.ค่าครองชีพในอนาคตจะสูงขึ้นมาก
          ข้าวของในท้องตลาดมีราคาสูงขึ้นทุกวัน  อีก  20-30  ปีข้างหน้าในวันที่เราเกษียณ  สินค้าที่จำเป็นอาจแพงขึ้นอีก  1-2  เท่าตัว  โดยเฉพาะค่ารักษาพยาบาล  ที่มักมีอัตราการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายมากกว่าเงินเฟ้อเสมอ  ดังนั้นงบประมาณที่เราเตรียมไว้อาจไม่เพียงพอ  ถ้าไม่ได้คำนวนเผื่อค่าเงินเฟ้อไว้ด้วย          4.สวัสดิการของรัฐไม่เพียงพอแน่
          ในอีก  15  ปีข้างหน้า  สัดส่วนของประชากรที่มีอายุ  60  ปีขึ้นไปจะเพิ่มเป็น  20%   นั่นหมายความว่า 1 ใน 5 ของคนไทยจะเป็นคนสูงอายุ  ขณะที่สัดส่วนของคนวัยทำงานต่อคนสูงอายุจะลดลงจาก  6:1  ในปัจจุบันเป็น  3:1  ในปี  2021  ทำให้ภาษีที่รัฐเก็บได้จะไม่เพียงพอต่อการจัดหาสวัสดิการให้คนสูงอายุ  หรือหากทำได้ก็เป็นแบบพื้นๆเท่านั้น          5.ผลิตภัณฑ์ทางการเงินมีความซับซ้อนมากขึ้น
          สมัยก่อนการฝากเงินในธนาคารให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจและมีความมั่นคงสูง  เดี๋ยวนี้ดอกเบี้ยเงินฝากลดน้อยลงมาก  ขณะที่ช่องทางการลงทุนใหม่ๆมีให้เลือกหลากหลายมากขึ้น แต่ก็มีรูปแบบและความเสี่ยงแตกต่างกันออกไป  การทำความเข้าใจและรู้จักวางแผนการลงทุนให้ถูกต้องเหมาะสมกับแต่ละบุคคล  จะทำให้บรรลุเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น
          6.ทำให้เราสามารถเกษียณอายุได้เร็วขึ้น
          หากมีการวางแผนที่ดีและเริ่มต้นเร็ว  ย่อมบรรลุเป้าหมายได้เร็วกว่า  ไม่ว่าจะเป็นเงินออมที่เก็บได้มากขึ้น  ดอกเบี้ยทบต้นที่สูงขึ้น  หรือการสามารถหาประโยชน์จากโอกาสดีๆที่บังเอิญผ่านเข้ามา  เพราะเรามีเงินออม  เงินก้อนที่เก็บเอาไว้  เช่น  ซื้อที่ดินทำเลสวยจากคนที่ร้อนเงิน หรือ  ซื้อหุ้นพื้นฐานดีที่ราคาตกลงมามากเกินควร          7.ช่วยรองรับความเสี่ยงของชีวิตได้มากขึ้น
          ชีวิตที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน  เราอาจโชคร้าย  เจ็บป่วย  หรือ  เกิดอุบัติเหตุหนักๆขึ้นได้   แต่ถ้าเรามีการวางแผนการประกันภัยไว้  ย่อมสามารถบรรเทาภาระต่างๆลงได้  หรือ  เราเกิดตกงานกระทันหัน  มีคนในครอบครัวป่วย  การมีเงินเก็บสำรองไว้  ย่อมหลีกเลี่ยงความยุ่งยากจากการต้องไปกู้หนี้ยืมสินเงินกู้นอกระบบลงได้

เครื่องผลิตเงินของคุณ





เครื่องผลิตเงินของคุณคืออะไร

จุดเริ่มต้นของความรวยเริ่มต้นจากการมีเงิน
ในจุดเริ่มต้นแล้วเงินของเรามาจากไหนหล่ะถ้าไม่ใช่จากงานที่เราทำ

หากงานที่เราทำเปรียบเสมือนเครื่องผลิตเงิน
ไม่ทราบว่าเครื่องผลิตเงินของคุณผลิตเงินให้คุณมากและนานพอไหม

เราถูกสอนถูกฝังหัวตามๆกันมาให้ตั้งใจเรียน เรียนจบสูงๆ
จบแล้วจะได้เป็นเจ้าคนนายคน จะได้ร่ำรวย มีความสุข
มันเป็นจริงๆหรือครับในยุคนี้สมัยนี้

แต่กลับกลายเป็นว่าเราเรียนจบสูงๆมา
ไม่ใช่เพื่อทำความฝันของเราให้เป็นจริง
แต่เพื่อทำความฝันของคนอื่นให้เป็นจริง
เรายอมขายเวลา ขายสุขภาพ ขายชีวิตเพื่อทำให้คนอื่นรวย
มันน่าเจ็บใจไหมครับ

ทุกวันนี้มีเด็กหลายคนที่อยากจะมั่งคั่งอยากจะร่ำรวย
ไม่อยากออกมาเป็นลูกจ้างเพราะรู้และเห็นตัวอย่างว่า
"เป็นลูกจ้างมันไม่มีทางรวย"
หลายคนตั้งเป้าหมายจะมีธุรกิจเป็นของตัวเอง
หลายคนอยากเป็นนักลงทุนเลยไปเล่นหุ้นตั้งแต่ยังเรียน
หลายคนไปทำธุรกิจเครือข่าย
โดยมีจุดมุ่งหมายว่าต้องการรวยเร็วๆ

การคิดจะค้าขายทำธุรกิจตัวเอง
การเข้าไปเล่นหุ้น
การไปศึกษาไปทำธุรกิจเครือข่าย
เป็นความคิดที่ดีครับที่เริ่มต้นคิดเริ่มต้นศึกษาตั้งแต่อายุยังน้อย
แต่อย่าเพิ่งรีบตั้งเป้าหมายว่าอยากรวยเร็วๆครับ
เพราะส่วนใหญ่ที่คิดแบบนี้มักจะ "เจ๊ง"
แค่เริ่มมันก็ผิดแล้วครับเพราะมันเริ่มจากความ"โลภ"

ความสำเร็จมันมีขั้นมีตอนของมันครับ
ความสำเร็จมันมีความล้มเหลว
มีความอดทน มีความเหนื่อยยาก
เป็นส่วนประกอบครับ

ตอนเริ่มต้นสร้างเครื่องผลิตเงินให้คุณใหม่ๆ
อย่าเพิ่งคิดที่จะได้เงินเยอะๆทันทีทันใดได้ไหมครับ
แต่ให้คิดว่าเราจะได้เรียนรู้อะไรจากงานนั้น
เราจะได้เรียนรู้อะไรจากคนเก่งที่ทำงานนั้นอยู่
เพราะเมื่อคุณได้เรียนรู้มากพอ
ก็ถึงเวลามาทำให้เครื่องผลิตเงินของคุณเติบโตและแข็งแรงครับ

เหมือนที่ Robert Kiyosaki เจ้าของหนังสือพ่อรวยสอนลูก บอกไงครับ

" When you are Young,
Work to Learn,Not to Earn."

Mongkol Lu : "อยากรวยผมช่วยคุณได้"
ติดตามความรู้การวางแผนการเงินได้ที่ www.facebook.com/fp.knowledge

โรคร้ายแรง กินทั้งเงิน กินทั้งบ้าน กินทั้งรถ

                                                       
             เฮลธ์ ไลฟ์ไทม์ ( Health Lifetime)
              เหนือกว่าด้วยการคุ้มครองนานตลอดชีพ
  • คุ้มครอง 3 กลุ่มโรคร้ายแรง ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตของคนไทย** ได้แก่ กลุ่มโรคมะเร็ง กลุ่มโรคหัวใจ และกลุ่มโรคหลอดเลือดสมอง
  • ชำระเบี้ยประกันภัยเพียงแค่ 20 ปี เบี้ยฯคงที่ ไม่เพิ่มตามอายุ
  • สมัครได้ตั้งแต่ อายุเพียง 1 เดือน – 65 ปี คุ้มครองยาวนานถึงอายุ 99 ปี
  • ยิ่งสมัครทำประกันเร็ว ยิ่งรับความคุ้มครองยาวนานกว่า
*  เฮลธ์ ไลฟ์ไทม์ เป็นชื่อทางการตลาดของสัญญาเพิ่มเติมผลประโยชน์โรคร้ายแรงตลอดชีพ ซึ่งแนบกับแผนประกันหลักที่บริษัทฯกำหนด
** ข้อมูลจาก สถิติสาธารณสุขปี 2553 โดยสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข


 เฮลธ์ ไลฟ์ไทม์ ( Health Lifetime) คุ้มครอง 3 กลุ่มโรคร้ายแรงที่เป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ของการเสียชีวิตของคนไทย ได้แก่
  • กลุ่มโรคมะเร็งและเนื้องอก
  • กลุ่มโรคหัวใจ
  • กลุ่มโรคเกี่ยวกับความผิดปกติของหลอดเลือดสมอง
ครอบคลุมความคุ้มครองตลอดชีพ 10 โรคร้ายแรง รวมถึงมะเร็งระยะไม่ลุกลาม และ การรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจที่ตีบแคบโดยใช้สายสวนหลอดเลือดหัวใจ (Heart Balloon)
โดยมีกำหนดระยะเวลาชำระเบี้ยประกันภัยเพียง 20 ปี รับผลประโยชน์สูงสุด 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ณ วันครบสัญญา หรือรับมูลค่าเวนคืนเงินสด กรณีเสียชีวิตจากสาเหตุที่มิใช่โรคร้ายแรงตามที่ระบุในสัญญา


ตัวอย่าง ผลประโยชน์ความคุ้มครองที่พึงได้รับ*
กลุ่มโรค
โรคร้ายแรง
ร้อยละของจำนวน
เงินเอาประกันภัย

กลุ่มที่ 1
กลุ่มโรคมะเร็ง
และเนื้องอก

1. มะเร็งระยะลุกลาม
Invasive Cancers
100%
2. เนื้องอกในสมอง ชนิดที่ไม่ใช่มะเร็ง
Benign Brain Tumor
100%
3. มะเร็งระยะไม่ลุกลาม
Non Invasive Cancers
15%
(สูงสุด 450,000 บาท)

กลุ่มที่ 2
กลุ่มโรคหัวใจ

4. โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายครั้งแรกจากการขาดเลือด
First Heart Attack
100%
5. การผ่าตัดเส้นเลือดเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ
Coronary Artery Surgery
100%
6. โรคกล้ามเนื้อหัวใจ
Cardiomyopathy
100%
7. การผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจ
Heart Valve Replacement Surgery
100%
8. การรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจที่ตีบแคบโดย
ใช้สายสวนหลอดเลือดหัวใจ
Coronary Artery Angioplasty
15%
(สูงสุด 450,000 บาท)

กลุ่มที่ 3
กลุ่มโรค
หลอดเลือดสมอง

9. ความบกพร่องทางระบบประสาทอันเนื่องจาก
ความผิดปกติของหลอดเลือดสมอง
Stroke
100%
10. การผ่าตัดสมองอันเนื่องจากโรคหลอดเลือดสมองโป่งพอง
Cerebral Aneurysm Requiring Brain Surgery
50%
(สูงสุด 500,000 บาท)
*ผลประโยชน์และความคุ้มครองเป็นไปตามข้อกำหนด และเงื่อนไขในกรมธรรม์
Health Life Time คุ้มครองโรคร้ายแรงตลอดชีพ ชำระเบี้ยประกันภัย20ปี ใหม่ล่าสุด เป็นกรมธรรม์เดียวของไทย ที่มีประกันชีวิต และประกันโรคร้ายแรงแนบกันอยู่เหมือนปาท่องโก๋ ไปตลอดชีพ ส่ง 20 ปี ที่ดีมากๆคือเก็บมูลค่าเวนคืนไว้ให้ตั้งแต่สิ้นปีที่ 2 ไปตลอด ทำให้มูลค่าเวนคืนสูงสุด เกือบเท่ากับเบี้ยประกันที่ส่ง เป็นสัญญาเพิ่มเติมเดียวที่เบี้ยไม่สูญเปล่าเหมือนสัญญา เพิ่มเติมอื่น ไม่ต้องรอว่าไม่เป็นมะเร็งแล้วคืนเบี้ย กรณีที่เด็ก ทำจะได้เปรียบ เพราะเบี้ยจะถูกมาก และเบี้ยประกันคงที่ ฮิต ฮอต ที่สุด ที่ดูแลลูกค้าได้ตลอดชีวิต ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข แต่ละปีมีคนไทยเสียชีวิต ปีละกว่า 60,000 ราย ชั่วโมงละ 7 ราย มีทุกกลุ่มอายุไม่เว้น แม้แต่เด็ก คนโสด คนแข็งแรง คุ้มครองตัวเองโดยเลือก การดูแลตนเองด้วย  Health Life Time อยากรู้ว่าเบี้ยประกันที่เหมาะสมกับตัวเราเอง เท่าไรหรือกรอกข้อมูลสนใจ จะส่งให้ทาง อีเมล์

10รู้งี้








บางคนเกษียณแล้วร้องไห้หนักมาก เพราะไม่รู้สิบข้อนี้
      1. 'เงินเดือนเสี่ยงสุด' ..พอเกษียณแล้วไม่มีเงินเดือน แถมเดี๋ยวนี้เงินก้อนหลังเกษียณแทบไม่มี เพราะมันเป็นค่าใช้จ่ายที่บริษัทต้องตัดเป็นอย่างแรกเมื่อต้องการลดต้นทุนธุรกิจ
      2. 'ยุคนี้อายุเราโคตรยืน' ..ด้วยการแพทย์ปัจจุบัน คุณจะอยู่กันเป็น 100 ลองคำนวณซิว่า เมื่อไหร่เงินเก็บที่คุณมีจะ 'สลดเพราะใช้เงินหมดก่อนตาย'      3. 'ลูกหลานเลี้ยงดูเราไม่ได้ไม่ใช่ลูกหลานไม่กตัญญู แต่ตัวมันเองยังเอาตัวไม่รอด จะเอาปัญญาที่ไหนมาดูแลคนเกษียณอย่างเรา ..ภาระคือสิ่งแรกที่คนทิ้งเมื่อเกิดวิกฤต -- อย่าทำตัวเราให้เป็นภาระ เพราะวิกฤตเกิดประจำ
     4. 'ไม่รู้จักคำว่า Passive Income' ..คำนี้สวรรค์ชัดๆ สำหรับคนที่มี ..Passive Income คือ เงินที่ไหลเข้ามาหาเราเรื่อยๆ แม้ว่าเราจะหยุดทำงาน หรือ แม้กระทั่งป่วย เงินนี้ก็ยังไหลเข้ามา ...การสร้าง Passive Income มันเกิดจากการลงทุนแบบซื้อของที่มูลค่าสร้างรายได้แบบไม่ขายสิ่งนั้นชั่วชีวิต เช่น ออมในหุ้น ออมในอสังหาให้เช่า
     5. 'เงินก้อนที่คุณเก็บ รักษายากที่สุด' ..จะมีวิกฤตเศรษฐกิจ เกิดขึ้นอีกหลายครั้งหลังเกษียณ ..เศรษฐกิจยุคปัจจุบันผันผวนน่ากลัว และเกิดวิกฤตแรงและเกิดถี่ขึ้นเรื่อยๆ ..การที่คนส่วนใหญ่ลงทุนแต่ระยะสั้น หรือ มุ่งแต่เก็บเงินก้อน คุณซวย!! เพราะเงินก้อนรักษายากที่สุด ..ใช่ !! ต้องเงินไหล หรือ Passive Income ต่างหากที่ดูแลเราจนตาย
     6. 'เราไร้ค่าหลังเกษียณ เพราะงานคือการอธิบายตัวตนของเรา..คนเกษียณที่ไม่ได้เตรียมตัว จะจิตตกเจียนตาย เพราะรู้สึกว่าตัวเองหมดคุณค่า หมดความสำคัญ ..เขาลืมไปว่า งานคือการอธิบายตัวตนของเรา ..เมื่อคุณหยุดอธิบายตัวเอง คนก็จะค่อยๆไม่เห็นคุณ
     7. 'เงินไม่ได้จำเป็น แต่หลังเกษียณโคตรจำเป็น..คนแก่ที่ลูกหลานรายล้อม พลัดกันดูแล เพราะคนแก่คนนี้เตรียมมรดกก้อนใหญ่ไว้ให้ลูกหลาน เช่น พ่อเตรียม Port ออมในหุ้น กับ อสังหาไว้ให้ลูกหลังจากที่พ่อตายนะ ..ยิ่งให้ ยิ่งได้ ใช้ได้เสมอครับ
     8. 'เจ้าของธุรกิจ เขาไม่ต้องเกษียณ..เหมือนไม่แฟร์ที่เราเห็นคนรวย เจ้าของธุรกิจเขาทำงานจนตายไม่มีเกษียณ ..เขาไม่ได้ต้องทำครับ เขาแค่ชอบที่จะทำ ..ที่เขาทำเพราะเขาต้องการอธิบายตัวตนของเขา เพื่อที่คนอื่นจะได้เห็นคุณค่าและให้เกียรติเขาตลอดชีวิต
     9. 'เกษียณแล้วฉันจะสบาย ไม่เป็นความจริง' ..ใครที่เกษียณแล้วสบาย คือมันสบายตั้งแต่ก่อนเกษียณ ..พวกที่พูดว่าเดี๋ยวเกษียณแล้วจะสบาย ซวยหนักทุกคนครับ
    10. 'ทุกอย่างในโลกนี้ มันก็แค่ประสบการณ์' ยิ่งคุณแก่คุณก็จะพบว่า ชีวิตมันก็แค่การเดินทาง และทุกอย่างมันก็คือประสบการณ์ ..ความสุขมาก ความทุกข์มาก ล้มเหลวมาก ชนะเยอะ โดนหักหลัง โดนโกง โดนแกล้ง เมื่อเวลาผ่านไป ทั้งเรื่องใหญ่และเรื่องเล็ก ก็จะเปลี่ยนเป็นแค่ประสบการณ์เหมือนๆ กันหมด
       ครั้งนึง พ่อเคยเป็น .................
คำแนะนำของผมคือ 'งานคือการอธิบายตัวตน' ให้เปลี่ยนงานอดิเรกที่คุณรักให้เป็นเงินตั้งแต่คุณยังมีแรง ..แล้วชีวิตคุณจะ 'เล่นเป็นเงินทั้งชีวิต เพราะเราดูแลตัวเองได้ และได้ทำสิ่งที่รักที่อธิบายตัวเราชั่วชีวิต
นั่นแหละ การเดินทาง !!
credit : ภาววิทย์ กลิ่นประทุม

เกษียณคุณมั่นใจแค่ไหน

คนเรามีอายุยืนยาวขึ้น และมีลูกหลานนอยลง การวางแผนทางการเงินในชวงเกษียณ เปนสิ่งที่สำคัญมากขึ้น เอไอเอ บำนาญ 60/85 เทานั้นที่การันตีเงินคืนบำนาญใหคุณ ตั้งแตอายุ 60 - 85 ป ทำใหเรื่องที่คุณกังวลเปนเรื่องราบรื่น
วัยเกษียณเปนชวงเวลาแหงความเปลี่ยนแปลง เราอาจตั้งเปาหมายชีวิตวัยเกษียณไวอยางมีความสุข เต็มไปดวยความสนุกกับกิจกรรมงานอดิเรกตางๆ หากอีกดานที่มาคูกัน นั่นคือการดำเนินชีวิตที่ตางจาก ชวงวัยทำงาน คารักษาพยาบาลที่เพิ่มขึ้น เงินเฟอ รวมถึงเงินใชจายยามเกษียณ
ถึงเวลาแลวที่เราตองวางแผนชีวิตเกษียณ เพื่อเริ่มตนชีวิตเกษียณอยางมีความสุข และมั่นใจ










10 อย่างหน้าทึ่ง

                                  



  10 อย่างหน้าทึ่งที่คน “สำเร็จทางการเงิน” ทำไม่เหมือนคนอื่น!


“คนมีความสามารถ รวยได้ คนโง่รวยได้ คนฉลาดมากๆ รวยได้ คนทึ่มก็รวยได้ คนแข็งแรงก็รวยได้ คนอ่อนแอก็รวยได้”


และนี่คือ 10 ข้อน่าทึ่งที่คนรวยทำต่างจากคนอื่น: 
1. พวกเขาจะอยู่ใกล้ๆ คนที่อยู่ด้วยแล้วรู้สึกดี หรือสิ่งดีๆ ไม่เสียเวลากับสิ่งที่ทำให้เป็นทุกข์
สถิติหนึ่งน่าสนใจมากคือ 67% ของคนรวยดูทีวีแค่วันละ 1 ชั่วโมง หรือน้อยกว่านั้น และแค่ 6% ดูรายการ Reality Show 

2. พวกเขายอมเสียสละก่อน
คนรวย มักยอมเสียสละมาก่อน ยอมมีรายได้น้อย ขับรถเก่าๆ อยู่บ้านหลังเล็กๆ ในช่วงที่เขาเริ่มก่อร่างสร้างตัว เมื่อเริ่มหาเงินได้ ก็นำเงินไปลงทุนต่อ จนเงินนั้น สร้างเงินต่อให้เขาเรื่อยๆ ซึ่งบางคนที่รวยแล้ว ก็ยังติดนิสัยประหยัดอยู่ อย่างเช่น Warren Buffet ที่ขับรถจนเก่ามากๆ ก็ยังไม่เปลี่ยน จนลูกน้องต้องบังคับให้เขาซื้อรถใหม่ 

 3. พวกเขาไม่เสียเวลามานั่งบ่น
ถ้าสิ่งไม่ดีเกิดขึ้น เขาไม่เสียเวลามานั่งบ่นหรอก สิ่งที่เขาทำคือยอมรับ ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ หรือหาข้อดีเพื่อเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส 
4. พวกเขาถือว่าเรื่องการใช้หนี้และการออมเงินคือเรื่องสำคัญ
พวกเขารู้ว่า ถ้าคนหนึ่งเป็นหนี้ จะทำให้คนๆ นั้นไม่มีตัวเลือก นอกจากทำงานที่เขาไม่ชอบต่อไป ต้องอยู่กับสิ่งที่ฝืนความต้องการของตนเอง 
5. พวกเขาไม่เคยโทษรัฐบาลหรือเศรษฐกิจของประเทศ
ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาโทษตัวเอง รับผิดชอบเองทั้งสิ้น เหมือนกับที่ Jim Rohn กล่าวว่า เขาใช้เวลา 6 ปีในการสร้างเงิน 1 ล้านเหรียญแรกของเขา ซึ่งรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นรีพับลิกัน หรือ เดโมแครต ก็ไม่สร้างความแตกต่างอะไรเลย 
6. พวกเขามุ่งหน้ากับเป้าหมายระยะยาว
แทนที่พอหาเงินได้ ก็ใช้หมด พวกเขาวางแผนการใช้เงิน และหาเงิน เพื่อเป้าหมายระยะยาวของเขา และพยายามทำให้มันเป็นจริงให้ได้ 
7. พวกเขาไม่ทำตัวเป็นพวก “รู้ไปหมดทุกอย่าง”
86% ของคนรวย ชอบอ่าน และเชื่อว่าคนเราเรียนได้ตลอดไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ 88%ของคนรวย อ่านบทความที่เป็นความรู้ หรือเกี่ยวกับเรื่องงานของเขาวันละครึ่งชั่วโมง หรือมากกว่า 63% ฟัง audio book ขณะเดินทางไปทำงาน! 

 8. พวกเขาสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ออกมาให้สังคม
พวกเขาไม่ได้แค่บริโภคอย่างเดียว แต่สร้างสรรค์บริการออกมาด้วย! 
9. พวกเขาไม่ทำงานเช้าชามเย็นชาม
พวกเขาไม่ทำงานแค่ที่ได้รับมอบหมาย โดยเฉพาะคนที่ทำงานประจำ กว่า 44% ของคนที่ประสบความสำเร็จทางการเงิน เขาตื่นก่อนเวลาทำงาน3 ชั่วโมงเพื่อทำให้ตัวเองพร้อมทำงานอย่างเต็มที่ที่สุด 
10. พวกเขาสนใจเรื่องการสร้างสรรค์ผลงานมากกว่าเงินที่หามาได้
ก็ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่สนใจเรื่องเงินเลย แต่เรื่องเงินไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุด พวกเขาจะมีความสุขถ้าพวกเขาเห็นสิ่งที่พวกเขาสร้าง ทำให้ลูกค้าพอใจ หรือมีคนได้ประโยชน์มากที่สุด!
ข้อคิดทิ้งท้าย : เพราะว่าเรานั้น ไม่มีใครสามารถควบคุมปัจจัยอื่นๆ รอบตัวเราได้ ทั้งรัฐบาล เศรษฐกิจ เพื่อนฝูง แต่สิ่งที่เราควบคุมได้คือ วิธีคิดของเราเอง เพียงลองคิด ลองทำตามแบบคนเหล่านี้ให้มากที่สุด วันหนึ่ง คุณอาจจะเป็นคนสำเร็จทางการเงินขึ้นมาก็เป็นได้ 
H/T: Lifehack
หากเรื่องนี้โดนใจคุณ ก็แชร์เลย และลองไปดูเรื่อง Jack Ma ชี้ “ถ้าใครอายุ 35 แล้วยังไม่รวย ต้องโทษตัวเอง” ดูสิ คุณน่าจะชอบ!